แบกเป้พิชิต ภูผาแง่ม เอเวอร์เรสแห่งท่าลี่

Tha Li, Tha Li District, Loei 42140, Thailand
ปก.jpg
"บันทึกการเดินทาง สู่ยอดภูผาแง่ม" ที่มีสมญานามว่า เอเวอร์เรสแห่งท่าลี่
บันทึกการเดินทางนี้ค่อนข้างที่จะยาวนะคะ เพราะเราไปพักแรมกัน 1 คืน และระหว่างทางมีอะไรที่น่าสนใจเยอะเลย ที่แอดมินจะมาเล่าให้ทุกคนได้รับชมกัน
อันดับแรกเลย รุ่นพี่ได้ส่งพิกัดมาให้ได้ชมก่อนค่ะว่า หน้าตามันเป็นยังไง อยู่แถวไหน เพื่อเป็นการเตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมสภาพร่างกายเอาไว้ก่อนที่จะได้เดินทาง นับว่าเป็นความท้าทายมากเลยค่ะ เมื่อได้รู้ว่า เป้าหมาย คือ "ภูผาแง่ม"ถามว่า รู้จักไหม ตอบได้เลยว่า ไม่ (5555) แต่ตื่นเต้นไว้ก่อน เพราะ นี่คือ คือ คืออ!!"การรับน้องสู่การทำงานนั่นเองงง"

ภาพถ่ายทางดาวเทียมภูผาแง่ม

ภาพจาก Google Earth แสดงพิกัดจอง ภูผาแง่ม อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย

นี่เป็นรูปภาพจากGoogle Earth ค่ะ เห็นปุ๊บ กลืนน้ำลาย เฮือก!! เลยจ้าาา และคิดปลอบใจตัวเอง คงไม่โหดหรอกมั้ง ได้ข่าวว่ามีรถอีแต๊ก(รถทางการเกษตร)ไปส่งด้วย ก็พอใจชื้นขึ้นมาบ้างหน่อย
สถานที่ตั้งของภูผาแง่ม คือจะอยู่ที่ บ้านยาง หมู่ 5 ตำบลท่าลี่ อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลยจุดเริ่มต้นการเดินทางจะเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย แล้วเราจะมุ่งหน้าไปทานข้าวกันที่บ้านยางก่อน ซึ่งจะเป็นบ้านหวานใจของพี่ต้อม พิธีกรโกทูเลยเรานี่เองค่ะ และก็เป็นจุดนัดพบ กับผู้นำทางของเราด้วย เนื่องจากการเดินทางค่อนข้างลำบาก และไม่รู้จักเส้นทางด้วย ต้องมีพรานนำทางนะคะ หลังจากนั้นเราก็จะเดินทางไปจุดเปลี่ยนรถ เพื่อใช้รถอีแต๊กเดินทางไปยังตีนเขา

ระหว่างเดินทางไปอำเภอท่าลี่

การเดินทางไป ภูผาแง่ม อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย ซึ่งจะพบหมอกตลอดทาง

เมื่อพร้อมแล้ว ก็ออกเดินทางกันเลยยย ตอนนี้เป็นเวลา 6 โมงเช้า ระหว่างทางเต็มไปด้วยหมอกหนา ต้องเดินทางด้วยความระมัดระวังมากค่ะ เพราะมองไม่เห็นทางเลย ความรู้สึกตอนนั้น ทั้งตื่นเต้นกับหมอก ทั้งตื่นเต้นกับการที่จะได้เข้าป่า ขึ้นภู(แบบยากลำบาก)ครั้งแรก ลำบากยังไงน่ะหรอ เราต้องแบกน้ำ อาหาร เสื้อผ้าและที่นอนขึ้นไปเอง เพราะข้างบนนั้นไม่มีจุดบริการนักท่องเที่ยว เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบเดินป่า ขึ้นเขาค่ะ
หลังจากที่เราทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้กับข้าว ข้าวเหนียว แจ่วบอง จากพี่แคท ต้องขอขอบคุณสำหรับการต้อนรับเป็นอย่างดี และอาหารอร่อยๆ ก่อนออกเดินทางไปยังภูผาแง่มค่ะ

ถึงจุดเปลี่ยนรถเพื่อใช้รถอีแต๊ก

การออกเดินทางไป ภูผาแง่ม ด้วยรถอีแต๊ก (รถทางการเกษตร)

ตรงนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนรถเพื่อเปลี่ยนเป็นรถ อีแต๊ก สัมภาระเยอะมาก เสบียงจัดเต็ม น้ำไม่ต้องกลัวขาด หอบมาให้หมด (ไม่คิดถึงตอนขนขึ้นเลยจริงๆ 55555)

ออกเดินทางขึ้นภูผาแง่ม

ระหว่างทางไป ภูผาแง่ม พบต้นกล้วยทั้ง 2 ข้างทาง

ทุกคนสดชื่นแจ่มใสมากค่ะ สังเกตได้จากหน้าตา 555 ทั้ง 2 ข้างทางจะเต็มไปด้วยป่ากล้วย ชาวบ้านที่นี่จะนิยมปลูกกล้วยกันค่ะ มีแอบแซวกันว่า จะไม่มาเป็นเขยที่นี่ เพราะกลัวได้ปีนเขาตัดกล้วยขาย ภูเขาสูงแค่ไหน มองไปก็มีแต่กล้วย กล้วย และก็กล้วย เยอะมากกก

ทางขึ้นภูผาแง่มที่มีความสูงชัน

การเดินทางไปยังตีนภูผาแง่ม ที่ยากลำบากมากขึ้น

จากตรงนี้ทางจะเริ่มลำบากแล้วค่ะ ต้องเกาะให้แน่นๆ ไม่งั้นมีร่วงตกกันแน่ พี่พรานขับซิ่งมาก แม้หนทางจะยากลำบากแค่ไหน พี่พรานก็ไม่หวั่นแม้แต่น้อย

ทีมงานโกทูเลยตกรถอีแต๊ก 5555

ทีมงานตกรถอีแต๊กกลางทาง เนื่องจากทางลำบากและเกาะไม่ดี 55555

คนอ่อนแอก็แพ้ไปค่ะ ร่วงไป 2 ราย รวมตากล้อง แอดมินแอบสะใจเบาๆ ในขณะที่ตัวเองกอดรัดฟัดเหวี่ยงเสารถอยู่เพราะกลัวตก 5555555 การเดินทางด้วยรถอีแต๊กไปยังตีนภูผาแง่มนั้น ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง กับระยะทาง 2-3 กิโลเมตร ไกลมากค่ะ เหงาหลับก็ไม่ได้ เดี๋ยวตก ตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลาจริงๆ หลังจากนั้นเราก็ได้เวลาขนสัมภาระ แบกกันคนละ 1-2 เป้ รวมกล้อง อาหาร น้ำ คือเมื่อมองดูทางแล้ว น้ำตาตกใน เพราะสูงและชันมาก ก็จะถอดใจตอนนี้คงไม่ทันแล้ว ลุยกันต่อค่ะ

พักเหนื่อยระหว่างทาง

พักเหนื่อยระหว่างทาง

พี่พรานยังคงชิลล์ๆ ในขณะที่ทุกคนหมดสภาพค่ะ 55555 เราเดินได้ 15 นาที พัก 15 นาที พัก เพราะทั้งหนักสัมภาระ และทางที่ชัน ตลอดทาง บวกกับว่าตัวเองเป็นผู้หญิงคนเดียว เป็นประจำเดือนอีก เลยทำให้ต้องพักบ่อยกว่าเพื่อน (ถ่วงเค้าจริงๆเลย 5555) ขอบอกว่า ยังไม่ถึงครึ่งเลย เป้าหมายแรกของเรา จะเดินทางไปชมความยิ่งใหญ่ของต้นมะค่ายักษ์ ที่มีอายุนานถึง 1000 ปีเลยทีเดียว

เดินขึ้นภูผาแง่ม

เส้นทางที่สูงและชันตลอดทาง
เส้นทางการขึ้นไปยังยอดภูผาแง่ม นั่นสูงและชันตลอดทาง ไม่มีทางเดินแบบราบๆให้ได้ใจชื้นเลยสักนิด เหนื่อยธรรมดาคงบรรยายความรู้สึกตอนนั้นไม่ได้ ต้องบอกว่า โคตรรรรรร เหนื่อยยยยย!!! จะดีกว่าวางสัมภาระเพื่อแยกไปชมต้นมะค่ายักษ์1000ปี

พักวางสัมภาระก่อนแยกไปชมต้นมะค่ายักษ์ 1000 ปี
และแล้วก็ถึงทางแยกเพื่อไปยังต้นมะค่ายักษ์แล้ว ความสุขคือ การได้วางกระเป๋า 55555 เราจะโยนสัมภาระทิ้ง เอ้ยยย ไม่ใช่! เราจะเก็บสัมภาระไว้ตรงทางแยก เพื่อกลับมาเอาหลังจากชมความยิ่งใหญ่ของต้นมะค่ายักษ์เสร็จแล้วนั่นเอง ก็ถือว่า อย่างน้อยก็ไปตัวเปล่า ไม่ต้องแบกอะไรให้หนักล่ะนะ

เส้นทางไปต้นมะค่ายักษ์1000ปี

เส้นทางไปต้นมะค่ายักษ์ 1000 ปี ที่รกมาก

พีคสุดคือ ทางรกมากค่าาาาา ต้องถางตลอดทาง ไม่งั้นไปไม่ได้เลย ทางเดินดีๆ ไม่มี ต้องบุกป่าฝ่าดงเข้าไป คิดในใจว่า นี่ฉันมาทำอะไรที่นี่ T T ปาดน้ำตา 2 ที 5555

ต้นมะค่ายักษ์1000ปี

ต้นมะค่ายักษ์ 1000 ปี ยิ่งใหญ่สมคำล่ำลือ

และในที่สุด เราก็ได้เจอสิ่งที่เราตามหา สมบัติล้ำค่าแห่งพงไพร ต้นมะค่ายักษ์ 1000 ปี เส้นทางการมาค่อนข้างลำบากเพราะป่ารกค่ะ ทุกคนนั่งชื่นชมความยิ่งใหญ่ของต้นมะค่ายักษ์ สมคำล่ำลือมากๆ และที่ขาดไม่ได้เลย คือ การจุดธูปไหว้ปู่ เจ้าป่าเจ้าเขา ให้ช่วยคุ้มครองเราตลอดการเดินทาง นับว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญมากเมื่อเข้าป่า เพราะเราอาจจะได้จ๊ะเอ๋กับสัตว์ป่าเมื่อไรก็ได้ นับว่าตื่นตาตื่นใจมากๆค่ะ กับการเดินทางมาชมต้นมะค่ายักษ์ที่นี่ รู้สึกได้ถึงความร่มเย็น

ชื่นชมความยิ่งใหญ่ของต้นมะค่ายักษ์1000ปี

ชื่นชมความยิ่งใหญ่ของต้นมะค่ายักษ์ 1000 ปี และเก็บภาพ

เราอยู่จุดนี้นานพอสมควร พอให้ได้ชื่นชมความยิ่งใหญ่อลังการ แต่แล้วก็มีมารผจญจนได้ ที่ต้องทำให้เราต้องรีบออกจากที่ตรงนี้โดยเร็ว นั่นก็ คือ!!

ยุงบริเวณต้นมะค่ายักษ์1000ปี

ยุงบริเวณต้นมะค่ายักษ์ 1000 ปี (เยอะมากกก)

โคตะระ บิดา มารดา ยุง นั่นเองค้าาาา ผู้ไม่เกรงกลัวต่อบาป มันคือผู้ร้าย ผู้สังหารเราแบบโจ่งแจ้ง ยากัดยุงยี่ห้อไหนที่ว่าดี และตะไคร้หอม ยังต้องแพ้พ่ายให้กับยุงที่นี่ เหมือนกับหิวกระหายเลือดมาเป็นแรมปี บินว่อนอย่างกับ เอฟเฟคดอกซากุระร่วงงั้นแหละ 55555 ถ้าเอาไม้ช็อตยุงมานี่ ไม้คงช็อตสะเองเพราะมันเยอะมากจริงๆค่ะ เพื่อไม่เป็นการเบียดเบียนเค้า เราก็ต้องหนีออกมาจากตรงนั้นจะดีกว่า และเมื่อเราเดินทางไปเอาสัมภาระของเราแล้ว ก็เดินทางต่อไปอีกเพื่อให้พ้นจากดงยุง แล้วค่อยพักทานข้าวกันค่ะ

พักรับประทานอาหารก่อนออกเดินทางไปยังยอดภูผาแง่ม

แวะทานอาหารก่อนเดินทางไปยังภูผาแง่ม

เราแวะทานอาหารกัน เนื่องจากเวลาล่วงเลยไปบ่ายโมงแล้ว ได้เวลาละลายของที่หนักๆออกจากกระเป๋าเราแล้ว 5555 ข้าวเหนียว หมูทอด เนื้อทอด ปลาทู แจ่งบอง ปลากระป๋อง ใช้ไม้ไผ่มารอง ให้เข้ากับบรรยากาศการทานข้าวป่า รู้สึกจะอร่อยเป็นพิเศษ นั่นอาจจะเพราะว่าหิวและเหนื่อยมาก

ออกเดินทางไปยังยอดภูผาแง่ม

จุดชมวิวก่อนถึงยอด ภูผาแง่ม ซึ่งจะเห็นวิวด้านล่าง และยอดภูผาแง่ม

เมื่อทานข้าวกันเสร็จแล้ว พักหายเหนื่อย ก็เดินทางกันต่อค่ะ เดินบ้าง พักบ้าง เนื่องจากทางสูงและชัน กว่าที่ผ่านมาเยอะเลย และในที่สุด ก็ถึง 80% ของภูผาแง่มค่ะ มีศาลาให้พักชมวิวด้วย ซึ่งจุดนี้เราจะสามารถมองเห็นยอดภูผาแง่ม บริเวณหน้าผา ทำให้รู้สึกว่า เป้าหมายอยู่ตรงนั้นนะ มันไม่ไกลเท่าไหร่หรอก(มั้งงง)

ยอดภูผาแง่ม

จุดหมายที่จะต้องไป "ยอดภูผาแง่ม"

นั่นคือเป้าหมายที่เราจะไป เป็นยอดจริงๆ สูงสุดสำหรับภูนี้เลยก็ว่าได้ ดูสิคะ มองด้วยสายตาน่าจะประมาณ ไม่เกิน 200 เมตร ด้วยซ้ำ แต่ที่ไหนได้ พี่พรานบอกว่า เราต้องเดินอ้อมไปอีก ช็อคค่ะ 55555 นี่เราพยายามหลอกตัวเองมาตลอดทางเลยหรอเนี่ย แต่ท้ายที่สุดแล้ว เราก็สามารถเดินไปถึงยอดภูผาแง่มนั่นจนได้ จากที่บ่นมาตลอดทางว่า มาทำไมๆ จะไม่มาอีกแล้ว เหนื่อยยยย พอถึงแล้ว โอ้โห บรรยากาศ วิวทิวทัศน์มันไม่สามารถอธิบายออกเป็นคำพูดได้เลย สวยมากจริงๆค่ะเดินทางถึงจุดหมาย

เดินทางถึงยอดภูผาแง่มเป็นที่เรียบร้อย

และแล้ววววว เราก็มาถึงยอดสะที!!! แท่น แท แด๊นน แท่แด๊นนนนน (เสียงเพลงยิ่งใหญ่อลังการ) ภูมิใจแค่ไหน ดูได้จากทีมงานของเราค่ะ 555555 จุดนี้เป็นจุดสูงสุดของภูผาแง่ม มองวิวทิวทัศน์ได้ถึง 360 องศาเลยก็ว่าได้ บอกได้เลยว่า เห็นแล้วหายเหนื่อยจริงๆ แทบจะอดใจรอชมทะเลหมอกของตอนเช้าไม่ไหวเลย ตื่นเต้นหนักมาก หลังจากนั้นทีมงานก็ทำการหาจุดที่เหมาะๆสำหรับเก็บภาพทะเลหมอกให้ผู้ชมได้ชมกัน ซึ่งพี่พรานบอกว่า ฝั่งทางนี้เป็นทิศตะวันออก เราสามารถมาชมทะเลหมอกกับพระอาทิตย์ขึ้นได้ที่ฝั่งนี้ เมื่อได้เป้าหมายของวันถัดไปแล้วเราก็มีการฝึกซ้อมโรยตัว เพื่อเซฟตัวเอง เนื่องจากต้องเดินลงไปชมพระอาทิตย์ขึ้นริมหน้าผา ป้องกันไว้จะดีที่สุดค่ะ

ฝึกซ้อมโรยตัว

ฝึกซ้อมโรยตัว โดยพี่ต้อม(พิธีกรโกทูเลย)พระอาทิตย์ตกผ่านยอดภูผาแง่ม
พระอาทิตย์ตก ผ่านยอดภูผาแง่ม

และยอดเขานั้น จะเป็นฝั่งทิศตะวันตกค่ะ ตอนแรกเรากะว่า จะไปเก็บภาพพระอาทิตย์ตกกัน แต่ถ้าหากเราไปตอนนี้ คงมิดและกลับลำบาก เนื่องจากไกลจากจุดพักแรม ระหว่างทางอาจเกิดอันตรายได้ หลังจากที่ฝึกซ้อมการโรยตัวเป็นที่เรียบร้อยก็เข้าสู่การเตรียมสถานที่เพื่อพักแรม และประกอบอาหารกัน

ในเช้าวันต่อมา เราออกมาที่จุดเดิมเพื่อโรยตัวลงไปชมพระอาทิตย์ขึ้น ริมหน้าผา ด้วยความที่หมอกหนามาก เราก็ทำใจไว้แล้วว่า คงจะไม่เห็นทะเลหมอกแน่ๆ เพราะเราจมอยู่ในทะเลหมอกค่ะ 55555 หนาวก็หนาว แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะรอชม แต่สิ่งที่เราได้มากกว่าการได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นนั้น เราได้เห็นสายหมอก ผ่านยอดต้นสน ผ่านร่องผา ผ่านหน้าเราไป โอ้โห บอกเลยว่า สวยมากกกก แทบอยากจะโดดไปแหวกว่ายกับสายหมอกนั้น แต่ว่าแค่คิดก็พอแล้วค่ะ ถ้าทำแบบนั้นคงไม่ได้กลับมาเล่าให้ใครฟังแน่ๆ ว่ามันสวยขนาดไหน 55555
สายหมอกยามเช้า ภูผาแง่มฝั่งทิศตะวันออก

สายหมอกบนยอดภูผาแง่มรอชมพระอาทิตย์ขึ้น

สายหมอกบนยอดภูผาแง่ม

ชื่นชมความสวยงามของภูผาแง่มฝั่งทิศตะวันออกกันแล้ว เราก็ไปอีกฝั่งหนึ่ง คือ ฝั่งทิศตะวันตก ที่เราพลาดโอกาสไปเมื่อวานนี้ค่ะ

สวรรค์บนดินแห่งภูผาแง่ม

สวรรค์บนดิน แห่งภูผาแง่ม

โดยส่วนตัวแล้ว ชอบจุดนี้มากเลยค่ะ เหมือนเมืองลอยฟ้า สวยมากก สวรรค์บนดินเลยก็ว่าได้ ตอนนี้เกือบๆจะ 9 โมงเช้าแล้ว แต่หมอกยังหนาอยู่เลยซึ่งหยดน้ำค้างตกลงมา อย่างกับว่าฝนกระหน่ำเทลงมา 5555 สูดบรรยากาศแบบเต็มปอดกันเลยทีเดียว

นั่งเรียบเขา ภูผาแง่ม ฝั่งทิศตะวันตก

นั่งเรียบเขา ภูผาแง่ม ฝั่งทิศตะวันตก

และนี่คือ ภูผาแง่มฝั่งทิศตะวันตกค่ะ การลงมาจุดนี้คือ ต้องระมัดระวัง เพราะชันมาก จึงโรยตัวลงมาโดยใช้เซฟตี้ เพื่อความปลอดภัยค่ะ พี่พรานบอกว่า จุดนี้ชมวิวได้ และสวยมาก เราลงมาก็ไม่เห็นมีอะไร คิดในใจว่า นี่เดินมาทำไมเนี่ย มาดูอะไรหว่า ไม่เห็นมีอะไรเลย ได้แต่นั่งเรียบเขา รอต่อไปเก็บภาพบรรยากาศพระอาทิตย์ฝั่งทิศตะวันตก

และเมื่อหมอกหายไปเท่านั้น โหยยยย ขาแต่ละคนสั่นผั่บๆ เสียวมากกกกก นี่มันอะไรกันเนี่ย มันสูงขนาดนี้เลยหรอ จากที่นั่งราบไปกับเขา แทบจะนอนราบกันเลยทีเดียว กลัวกลิ้งลงไปข้างล่าง กลัวไม่กลัวดูได้จากหน้าตาของทีมงาน รูปขวามือนั่นเองค่ะ 555555 แต่ในเมื่อมาแล้ว เก็บภาพกันสักหน่อย แล้วก็หยิบมาม่ามาบี้ๆ ใส่น้ำจิ้มนั่งกินกันตรงนั้นเลย ฟินมากกกก การกินมาม่า ที่ฟินและลำบากที่สุดในชีวิตเลยค่ะ
หลังจากนั้นเราก็เดินกลับไปยังจุดพักแรม เราทานข้าวกัน และพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนที่จะเดินทางกลับค่ะ และแอดมินก็ได้พบแล้วว่า การเดินทางขึ้นมาว่ายากลำบาก แทบจะคลานขึ้นด้วยความเหนื่อย นั้นมันเป็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งเท่านั้น เพราะขาลง โอ้โหหห ปวดเข่ามากค่ะ อย่างกับว่ากระดูกมันจะทะลักออกมาข้างนอก เดินไป ล้มไปตามทาง ล้มที พี่ๆก็จับคอเสื้อและหิ้วขึ้นเดินต่อ สภาพตอนนั้นแบบว่า ทั้งฮาทั้งสงสารตัวเอง ทำไมถึงรับน้องโหดขนาดนี้ ทำไมพี่ๆถึงใจร้ายกับน้องขนาดนี้
และพีคสุดก็ตอนนั่งรถอีแต๊กลงค่ะ ขาขึ้นมีตกรถกันกลางทาง ขาลงเป็นความเลวร้ายของแอดมินค่ะ เพราะนั่งข้างหน้า คิดสภาพรถอีแต๊กลงเขา ที่ทางลำบากๆ นี่ร้องลั่น ตื่นเต้น เสียว ยิ่งกว่านั้งรถไฟเหาะ พี่พรานยิ่งเห็นเราร้องก็ยิ่งขับเร็ว มีแอบหัวเราะสะใจเราด้วย 55555

สุดท้ายนี้ การเดินทางที่ยากลำบาก ทำให้เราได้รู้ว่า เพื่อนร่วมทางของเรามีค่ามากแค่ไหนค่ะ ทุกคนคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันตลอดการเดินทาง จริงอยู่ว่ามันอาจจะเหนื่อย แต่อยากบอกทุกคนมากค่ะว่า ต้องไปสักครั้งนะ เพราะมันสวยมากจริงๆ มันคุ้มเกินคุ้ม ถ้าชวนอีก ก็คงไป แต่ต้องฟิตร่างกายก่อน กว่าเราจะได้เห็นอะไรที่มันมีค่า มันก็ต้องผ่านอุปสรรคก่อน
สำหรับทริปนี้
ความเหนื่อย ให้ 10 เต็ม 10
ความสวยงาม นี่ต้องให้ 100 เต็ม 10
ความประทับใจให้ 100 เต็ม 10 เช่นกันค่ะ

ครั้งหน้าแอดมินจะบันทึกการเดินทางไปที่ไหน ติดตามได้ค่ะ หากมีอะไรผิดพลาด หรือ ผู้อ่านไม่ประทับใจ คอมเมนท์บอกเราที่ด้านล่างเลยนะคะ ครั้งหน้าเราจะได้ปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อความสุข ความประทับใจของทุกท่าน สำหรับทริปนี้ สวัสดีค่ะ
สามารถชมอีกเวอร์ชั่น(ฉบับย่อ) และวีดีโอการเดินทาง ได้ที่นี่ คลิกเลย : http://www.gotoloei.com/รีวิวที่เที่ยว/969988/ผู้พิชิตภูผาแง่ม-เอเวอร์เรสแห่งท่าลี่

บทความโดย : ไก่น้อย (ทีมงานโกทูเลย)