คำสอนของพระอริยสงฆ์ ในจังหวัดเลย

เป็นที่ทราบกันดีว่า จังหวัดเลย นั้นเป็นดินแดนพระอริยสงฆ์ที่มีชื่อเสียงมากมาย เช่น ที่ อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย มีหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ณ วัดป่าสัมมานุสรณ์ที่อำเภอเมืองมี หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ ณ วัดศรีสุทธาวาส(อารามหลวง)หากใครที่ต้องการที่จะมาสักการะพระอริยสงฆ์นั้น แอดมินก็ขอเสนอ พระอริยสงฆ์ จังหวัดเลยและคำสอนดีๆไว้เตือนใจในการใช้ชีวิตของเรานะคะ

หลวงปู่แหวน2.jpg

ประวัติ : หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ
หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ เดิมชื่อ ญาณ หรือ ยาน รามศิริ เกิดวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2430 วันจันทร์ ขึ้น 3 ค่ำ ปีกุน ณ บ้านนาโป่ง บ้างก็ว่า บ้านหนองบอน ตำบลหนองใน (ปัจจุบันเป็นตำบลนาโป่ง) อำเภอเมือง จังหวัดเลย ท่านเกิดในตระกูล ช่างตีเหล็ก เป็นบุตรคนที่ 2 (คนสุดท้อง) ของนายใส หรือ สาย กับ นางแก้ว รามศิริ มีพี่สาวร่วมท้องเดียวกัน 1 คน เมื่อหลวงปู่อายุประมาณ 5 ขวบ พอจำความได้บ้างว่าก่อนที่มารดาจะเสียชีวิต ได้เรียกไปสั่งเสียว่า "ลูกเอ๋ย แม่ยินดีต่อลูก สมบัติใดๆ ในโลกนี้ จะเป็นกี่ล้านกี่โกฏก็ตาม แม่ก็ไม่ยินดี และแม่จะยินดีมาก ถ้าลูกจะบวชให้แม่จนตายในผ้าเหลือง ไม่ต้องสึกออกมามีเมียนะลูก" หลังจากนั้นมารดาได้ถึงแก่กรรมลง ท่านจึงอยู่ในความดูแลของตากับยายขุนแก้ว
อนึ่ง ยายของหลวงปู่ได้ฝันว่า เห็นหลายชายไปนั่งไปนอนอยู่ในดงขมิ้นจนเนื้อตัวเหลืองอร่ามน่าชม จึงได้มาร้องขอให้บวชเช่นเดียวกัน ท่านจึงรับปาก แล้วบวชพร้อมกับหลานยายอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน และมีศักดิ์เป็นน้า ยายได้นำหลานทั้ง 2 คน ไปถวายตัวต่อพระอุปัชฌาย์ที่ วันโพธิ์ชัย (มหานิกาย) ในหมู่บ้านนาโป่ง เพื่อฝึกหัดขานนาค ทำการบรรพชาเป็นสามเณรต่อไป ด้วยคำพูดของแม่ในครั้งนั้น เป็นเหมือนพรสวรรค์คอยเตือนสติอยู่ตลอดเวลา เป็นคำสั่งสอนที่ก้องอยู่ในความทรงจำมิรู้เลือน จนในที่สุดก็ได้บวชตามความประสงค์ของมารดาและใช้ชีวิตอยู่ในผ้าเหลืองจนตลอดอายุขัย

หลวงปู่ชอบ2.jpg

ประวัติ : หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
ท่านเกิดเมื่อวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2444 ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 3 ปีฉลู ณ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย เป็นบุตรของนายมอ และ นางพิลา แก้วสุวรรณ แต่เดิมครอบครัวท่านอยู่อำเภอด่านซ้าย ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ แห่งพระธาตุศรีสองรัก เนี่องจากตัวอำเภอด่านซ้ายอยู่กลางหุบเขาพื้นที่ราบมีไม่มากนักทำให้การทำมาหากินลำบาก จึงได้พากันอพยพมาอยู่บ้านโคกมน บวชสามเณรเมื่ออายุ 19 ปี ณ วัดบ้านนาแก ตำบลนากลาง อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นสามเณรอยู่ถึง 4 ปีกว่า และได้อุปสมบทเมื่ออายุ 23 ปี วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ.2467 ณ วัดศรีธรรมาราม อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร โดยมีพระครูวิจิตรวิโสธนาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์แดง เป็นพระกรรมวาจาจารย์
ท่านได้พบพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ณ เสนาสนะป่าบ้านสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม หลวงปู่มั่นได้ให้โอวาทสั้นๆว่า "ท่านเคยภาวนามาอย่างไร ก็ให้ทำต่อไปเช่นนั้นอย่าได้หยุด ธรรม 84,000 พระธรรมขันธ์ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงแสดงไว้นั้นมันอยู่ที่ใจเรานี่แหละถ้าอยากรู้อยากเห็นธรรม ก็ให้ค้นหาเอาที่ใจของท่านเอง"
ปีพุทธศักราช 2489 ขณะท่องเที่ยวธุดงค์อยู่ทางภาคเหนือ สหธรรมมิก คือหลวงปู่ขาว อนาลโย ชวนท่านกลับมาอีสานท่านจึงได้มาจำพรรษาที่ป่าช้าหินโง้น ปัจจุบัน คือ วัดป่าโคกมน ปีพุทธศักราช 2501 มีชาวบ้านถวายที่สร้างวัดกว่าร้อยไร่ ท่านจึงได้รับสร้างเป็นวัดขึ้นมา ปัจจุบัน คือ วัดป่าสัมมานุสรณ์ และจำพรรษาเรื่อยมาจวบจนวาระสุดท้าย ปีพุทธศักราช 2514 อายุ 70 ปี ท่านป่วยเป็นอัมพาต ท่านละสังขารเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน ณ วัดป่าสัมมานุสรณ์ เมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ.2538 สิริรวมอายุได้ 93 ปี 11 เดือน 27 วัน 70 พรรษา

หลวงปู่หลุย2.jpg

ประวัติ : หลวงปู่หลุย จันทสาโร
หลวงปู่หลุย จันทสาโร มีนามเดิมว่า วอ นามสกุล วรบุตร เกิดเมื่อวันอังคาร ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2444 ณ ตำบลกุดป่อง อำเภอเมือง จังหวัดเลย บิดาท่าน ชื่อนายคำผอย วรบุตร มารดาชื่อเจ้าแม่นางกวย วรบุตร มีพี่น้องด้วยกัน 3 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 2 สาเหตุที่ท่านชื่อหลุย เพราะแต่ก่อนท่านนับถือศาสนาคริสต์ ท่านมีความชำนาญหลักศาสนาเทียบเท่าบาทหลวง หมู่คณะจึงเรียกชื่อของท่านว่า "หลุย" ต่อมาท่านเห็นความไม่จริงของคำสอนที่สอนให้เชื่ออย่างเดียวไม่ให้ใช้ปัญญา ท่านเลยมาศึกษาหลักธรรมคำสอนในทางพระพุทธศาสนา และหันมายอมรับนับถือพระพุทธศาสนา และบวชเป็นพระภิกษุ อุปสมบทเป็นพระฝ่ายมหานิกาย ในปีพุทธศักราช 2466 ณ วัดในอำเภอแซงบาดาล จังหวัดร้อยเอ็ด ญัตติเป็นพระธรรมยุต ครั้งที่ 1 ณ วัดในอำเภอเมือง จังหวัดเลย
เมื่อปีพุทธศักราช 2467 โดยมีพระครูอริศัยคุณาธาร (อ่ำ อรโก) เป็นพระอุปัชฌาย์ ญัตติเป็นพระธรรมยุต ครั้งที่ 2 หลวงปู่หลุย จันทสาโร ได้ญัตติเป็นพระธรรมยุต ครั้งที่ 2 เนื่องจากครั้งแรกท่านสะกดชื่อ และอักขระไม่ถูกต้อง ท่านจึงขอญัตติใหม่ในวันที่ 14 พฤษภาคม พุทธศักราช 2468 ณ วัดโพธิสมภรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โดยมี พระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) เมื่อครั้งที่เป็น พระครูสังฆวุฒิการ เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้มรณภาพเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พุทธศักราช 2532 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ (รัชกาลที่9) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างเจดีย์พิพิธภัณฑ์เพื่อบรรจุอัฐิธาตุ อัฐบริขาร ของหลวงปู่หลุย จันทสาโร ที่วัดป่าสุทธาวาส อำเภอ เมือง จังหวัดสกลนคร และพระองค์ทรงพระราชทานร่างแบบเจดีย์ด้วยพระองค์เอง

หลวงปู่ศรีจันทร์2.jpg

ประวัติ : หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ
เกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม พุทธศักราช 2447 ณ บ้านฟากเลย ตำบลวังสะพุง อำเภอเมือง จังหวัดเลย ศึกษาระดับประถมศึกษาในโรงเรียนประจำอำเภอวังสะพุง จนกระทั่งเรียนจบชั้น ป.3 ต่อมาในปี พ.ศ.2461 ได้เข้าบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดศรีชมชื่น อำเภอวังสะพุง จากนั้นท่านก็ได้มุ่งสู่กรุงเทพมหานครฯ เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมจนจบเปรียญ 6 ต่อมากลับมาจำพรรษา ที่วัดศรีสุทธาวาส อำเภอเมือง จังหวัดเลย ปฏิบัติภาระกิจเพื่อพระพุทธศาสนาไว้มากมาย เริ่มต้นจากเป็นครูสอน เป็นหัวหน้าพระธรรมทูต ประจำจังหวัด เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนสอนพระพุทธศาสนา เป็นกรรมการบริหารศูนย์บาลี เป็นรองเจ้าคณะภาค 11 (ธรรมยุต) เป็นพระราชาคณะชั้นราช เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ และพระราชาคณะ ชั้นธรรมวราลังการ หลวงปู่ศรีจันทร์ หรือพระธรรมวราลังการ นับเป็นพระสุปฎิปันโนที่เป็นที่เคารพสักการะของชาวเมืองเลย ด้วยคุณความดีที่ท่านได้กระทำตลอดทั้งชีวิต หลวงปู่ศรีจันทร์ได้มรณภาพด้วยโรคตับวาย และหัวใจล้มเหลว วันที่ 28 เดือนธันวาคม พ.ศ.2540 สิริรวมอายุได้ 93 ปี

หลวงปู่คำดี2.jpg

ประวัติ : หลวงปู่คำดี ปภาโส
เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2445 ตรงกับแรม 14 ค่ำ ปีขาล ที่บ้านหนองคู ตำบลบ้านหว้า อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น บิดาชื่อ นายพร นินเขียว มารดาชื่อ นางหมอก นินเขียว หลวงปู่คำดี เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวนพี่น้อง 6 คน การศึกษาหลวงปู่คำดี สมัยเด็กไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะไม่มีโรงเรียนศึกษาเล่าเรียนเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 อยากบวชเป็นสามเณรแต่บิดามารดาไม่อนุญาตต้องช่วยทำนาจนกระทั่งอายุครบ 22 ปีปริบูรณ์ จึงได้อุปสมบทที่วัดหนองแวง บ้านเมืองเก่า ตำบลพระลับ (ในเมือง) อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น พระครูเมืองเป็นพระอุปัชฌาย์ และไปจำพรรษาที่วัดป่าหนองกุง บ้านหนองคู ตำบลบ้านหว้า กับพระอาจารย์ 4 พรรษา หลวงปู่คิดอยากจะออกไปธุดงค์กรรมฐานปฏิบัติภาวนาให้รู้แจ้งเห็นจริงให้ได้ จึงได้ลาญาติโยมออกธุดงค์กรรมฐานปี พ.ศ.2498 หลวงปู่ได้เดินทางไปวัดถ้ำผาปู่ จังหวัดเลย จำพรรษาอยู่บนถ้ำ 7 พรรษา ปี พ.ศ.2509 ไปจำพรรษาที่วัดป่าหนองแซง อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ปี พ.ศ.2510 ญาติโยมชาวเมืองเลย ได้ไปนิมนต์หลวงปู่กลับมาจำพรรษาที่วัดถ้ำผาปู่เช่นเดิม

หลวงปู่ท่อน2.jpg

ประวัติ : หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร มีนามเดิมว่า ท่อน ประเสริฐพงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พุทธศักราช 2471 ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีมะโรง ณ บ้านหินขาว ตำบลสาวะถี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น บิดาชื่อ นายแจ่ม ประเสริฐพงศ์ มารดาชื่อ นางทา ประเสริฐพงศ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด 19 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 6 ปัจจุบัน สิริอายุได้ 79 พรรษา (เมื่อปี พ.ศ.2550) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศรีอภัยวัน บ้านหนองมะผาง ตำบลนาอ้อ อำเภอเมือง จังหวัดเลย (ธรรมยุต)
ในวัยเยาว์สำเร็จการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนบ้านหินขาว ตำบลสาวะถี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น แต่ด้วยฐานะทางบ้านยากจนจึงได้ลาออกจากโรงเรียนมาช่วยบิดามารดาทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ต่อมาได้เรียนต่อที่โรงเรียนผู้ใหญ่ที่บ้านหินขาว สอบเทียบได้ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หลังจากจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แล้วไม่ได้เข้าศึกษาต่อเพราะต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว จึงเป็นเหตุให้ต้องออกจากโรงเรียนอีกครั้งเพื่อมาทำงานหาเลี้ยวครอบครัว
ช่วงวัยหนุ่มฉกรรจ์ เป็นคนติดเพื่อนฝูงกินเหล้าเมายา จีบสาวตามบ้านต่างๆ ในละแวกนั้น ทำให้บิดามารดา เป็นกังวลใจมาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไป บุตรชายคงจะเสียคนเป็นแน่ จึงได้ปรึกษากันขอให้บุตรชายบวชเรียน บิดาจึงนำตัวบุตรชายไปฝากกับหลวงปู่คำดี ปภาโส พระเกจิชื่อดังแห่งวัดป่าชัยวัน ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น แต่หลวงปู่คำดี มีข้อแม้ว่า ก่อนบวชจะต้องรักษาศีล นุ่งห่มขาวเจริญภาวนา กินข้าวมื้อเดียวก่อน ครั้นอยู่ทดสอบจิตใจได้ 5 เดือน หลวงปู่คำดีได้อนุญาตให้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ขณะมีอายุ 20 ปี บริบูรณ์ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2491 ณ พัทธสีมาวัดศรีจันทร์ (พระอารามหลวง) ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โดยมีพระเทพบัณฑิต (มหาอินทร์ ถิรเสวี สินโพธิ์ ป.ธ.5) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ ที่พระพิศาลสารคุณ วัดศรีจันทร์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูคัมภีรนิเทศ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระมหาสุพจน์ อุตฺตโม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ภายหลังอุปสมบทแล้ว ท่านได้เดินทางไปพำนักจำพรรษาอยู่กับหลวงปู่คำดี ณ วัดป่าชัยวัน โดยหลวงปู่คำดีเป็นอาจารย์กัมมัฏฐาน คอยสอนให้ทำภาวนา นั่งสมาธิกัมมัฏฐานเน้นเรื่องสติ สมาธิ และปัญญา
พ.ศ.2500 ศรัทธาญาติโยมได้นิมนต์ให้หลวงปู่ท่อนไปอยู่ที่ ป่าช้านาโป่ง และได้สร้างเป็นวัดศรีอภัยวัน บนเนื้อที่ประมาณ 40 ไร่ รวมทั้งรักษาความเป็นป่าอย่างสมบูรณ์ไว้ จากนั้นมาหลวงปู่ท่อนได้จำพรรษาที่วัดศรีอภัยวัน จังหวัดเลย ตราบจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากหลวงปู่ท่อนเป็นพระป่า ที่วัดจึงไม่มีสิ่งก่อสร้างใหญ่โต กุฏิเป็นเพียงกุฏิเล็กๆ ปัจจัยที่ได้รับจากญาติโยม ล้วนแบ่งเอาไว้ใช้เท่าที่จำเป็น ส่วนใหญ่จำแบ่งปันให้แก่สำนักสงฆ์ วัด ที่ขาดแคลน หรือทุรกันดาร

หลวงปู่ขันตี2.jpg

ประวัติ : หลวงพ่อขันตี ญาณวโร
"หลวงพ่อขันตี ญาณวโร" วัดป่าม่วงไข่ ตำบลสานตม อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย เป็นพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ท่านเป็นลูกศิษย์ของ "หลวงปู่คำดี ปภาโส" แห่งวัดถ้ำผาปู่นิมิตร ตำบลนาอ้อ อำเภอเมือง จังหวัดเลย และ "หลวงปู่ชอบ ฐานสโม" แห่งวัดป่าโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย หลวงพ่อขันตี เกิดเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ.2486 ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ปีมะแม เป็นชาวขอนแก่นโดยกำเนิด
ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าม่วงไข่ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อปี พ.ศ.2507 ณ พัทธสีมาวัดศรีจันทร์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น หลังจากอุปสมบทได้ 1 ปี เมื่อปี พ.ศ.2508 ท่านได้ติดตามมาปฏิบัติจำพรรษาอยู่กับ "หลวงปู่คำดี ปภาโส" ที่วัดถ้ำผาปู่นิมิตร ต่อมาได้ย้ายไปพำนักจำพรรษาและอุปัฏฐากดูแล "หลวงปู่ชอบ ฐานสโม" ที่วัดป่าโคกมน เนื่องจากในขณะนั้นหลวงปู่ชอบป่วยเป็นอัมพาตหลวงพ่อขันตี ญาณวโร ได้เป็นผู้นำพาสร้างวัดป่าแห่งหนึ่งอยู่ที่บ้านห้วยเดื่อ อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ชื่อว่า วัดป่าห้วยเดื่อ (วัดป่าสันติธรรม) และดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสโดยท่านพำนักอยู่จำพรรษา ณ วัดป่าห้วยเดื่อ (วัดป่าสันติธรรม) เป็นเวลายาวนานถึง 25 ปี ต่อมาหลวงพ่อขันตี ไปพำนักจำพรรษาอยู่ที่วัดป่า หนองแซง ตำบลหนองบัวบาน อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ก่อนย้ายมาจำพรรษาที่วัดหลวงปู่ขาว อนาลโย คือ วัดถ้ำกองเพล ตำบลโนนทัน อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู และสุดท้ายได้ย้ายมาอยู่จำพรรษาที่วัดป่าม่วงไข่ ตำบลสานตม อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย

คำสอนที่ดี ย่อมนำทางชีวิต ไปในทางที่ถูกต้อง สุข สงบ และสมบูรณ์
วันนี้แอดมินก็ขอกราบน้อมนำคำสอนของพระอริยสงฆ์ของจังหวัดเลย เอาไว้ปรับใช้ชีวิตของเรานะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :ห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารีจังหวัดเลย