พิชิตเนิน 1408 จุดกางเต็นท์สูงสุดในอีสาน ณ อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย
เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า "จังหวัดเลย"มีแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อมากมาย และมีอุทยานแห่งชาติถึง 3 แห่งด้วยกัน ได้แก่ อุทยานแห่งชาติภูกระดึงสมญานาม ระฆังแห่งขุนเขา ภูเขารูปหัวใจ ที่คู่รักต่างไปพิชิตพิสูจน์รักแท้ อุทยานแห่งชาติภูเรือที่เป็นเมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม และยังมีอีกหนึ่งแห่ง ที่สวยงามและเป็นที่สุดไม่แพ้กัน นั่นก็คือ"อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย" อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย
ที่มี "เนิน 1408 จุดกางเต็นท์สูงสุดในอีสาน"ที่เป็นเนินใฝ่ฝันของใครหลายๆคน ที่อยากจะไปพิชิตนั่นเองค่ะ และทีมงานโกทูเลย ก็ไปพิชิตมาแล้ว เลยจะมารีวิว บอกเล่าการเดินทาง ว่าจะโหด มันส์ และฟินขนาดไหน พร้อมแล้วลุยกันเลยค่ะ
อุทยานแห่งชาติภูสวนทรายตั้งอยู่ที่ ตำบลแสงภา อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย
การเดินทางไปยังภูสวนทรายนั้น รถยนต์สามารถเข้าถึงได้สะดวกค่ะ โดยใช้เส้นทางหมายเลข 21 ผ่านอำเภอภูเรือ และอำเภอด่านซ้ายไป จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนหมายเลข 2113 ไปจนถึงอำเภอนาแห้ว เข้าสู่ถนนหมายเลข 2168 และจากนั้นเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนหมายเลข 1328 ทางเข้าจะมีป้าย อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย รวมๆแล้วก็ 127 กิโลเมตรค่ะ
เมื่อศึกษาเส้นทางจาก Google Maps แล้วแอดมินเป็นกังวลที่สุดคือ การเมารถ ค่ะ เพราะทางค่อนข้างที่จะคดเคี้ยว มีโค้งเยอะมาก การเตรียมพร้อม ในส่วนของยา จึงจำเป็นมากๆ แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นค่ะ แอดมินไม่ได้เมารถ แต่เมายาแทน 55555 พอไปถึงอุทยานแห่งชาติภูสวนทรายแล้ว รวมรวบสติอยู่นานเลยค่ะ (เบลอหนักมากก)
อันดับแรกเมื่อไปถึงแล้วก็ทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ แล้วนำใบเสร็จเพื่อไปรับกุญแจที่พักของทางอุทยานค่ะ โดยทีมงานส่วนหนึ่งจะพักอยู่ที่บ้านพักเนื่องจากมีเด็กๆไปด้วย ส่วนทีมงานส่วนหนึ่งรวมแอดมินจะไปพิชิตเนิน 1408 กันค่ะ และทำการชั่งน้ำหนักสัมภาระ และอุปกรณ์ เสบียงต่างๆที่จ้างลูกหาบค่ะ
อัตราค่าบริการ
ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 600 บาท/คืน (ไป-กลับ 500 บาท)
ค่าลูกหาบ 30 บาท/กิโลกรัม
เต็นท์ 150 บาท/หลัง (หากนำมาเองเสียค่ากางเต็นท์ 30 บาท/คน)
ถุงนอน 40 บาท/ถุง
ผ้าห่ม 20 บาท/ผืน
บ้านพัก 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1,200 บาท
ขาขึ้นนั้นเราใช้เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ประมาณ 5 กิโลเมตรค่ะ ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกกับเราว่า ทีมงานโกทูเลย เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกของฤดูกาลท่องเที่ยวนี้ ที่ไปยังเนิน 1408 และก่อนหน้านี้ไม่กี่วันมีปริมาณฝน 30-40% อาจจะพบทาก กับทางที่ค่อนข้างที่จะรกหน่อยค่ะ
เมื่อพร้อมแล้วก็ลุยกันเลยค่ะ ทีมงานเริ่มเดินขึ้นบันได ไปยังสามแยกที่มีป้ายแผนที่ เจ้าหน้าที่จะแนะนำเส้นทางค่ะว่าจะต้องเดินไปทางไหน ระยะทางเท่าใด แล้วระหว่างทางจะพบอะไรบ้าง ซึ่งเป็นเนินวัดใจเนินแรก ที่สูงและชันที่สุด ระยะทางๆ 1 กิโลเมตร หลังจากนั้น จะเป็นทางเดินเลียบสันเขายาวไปจนถึงจุดกางเต็นท์เนิน 1408 อีก 4 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่บอกว่า น่าจะใช้เวลาเดินทางไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมงค่ะ แถบยังบอกอีกว่า เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ 55555
ระหว่างเดินทางไปยังสามแยกเก้าเลี้ยว เป็นเนินที่ตัดกำลังมากเลยค่ะ เพราะสูงมากกกก เดินไปพักไป พักทุกๆ 10 นาทีก็ว่าได้ ขานี้แทบก้าวไม่ออก เสื้อกันหนาวที่ใส่มา ต้องถอดออกกันทุกคนเลยค่ะ ทีมงานสาวๆนี้บ่นปวดขาตลอดทาง แถมยังหมดแรงเดินต่อไม่ไหว 5555 โชคยังดีที่เจ้าหน้าที่มีเสบียงติดไปด้วย เลยได้ข้าวเหนียวกับเนื้อแดดเดียวมาเติมพลังกันระหว่างทางค่ะ
และแล้วก็ถึงสามแยกเก้าเลี้ยวแล้วค่าาาา เนินวัดใจที่โหดที่สุด ระยะทาง 1 กิโลเมตร แต่รู้สึกถึงความยาวนานและไกลมาก เหมือนกับราวๆ 5 กิโลเมตรได้ 5555 หลังจากนี้จะเป็นการเดินทางราบค่ะ รู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย ถึงจะไกล แต่ก็ยังดีกว่าขึ้นเนินเป็นไหนๆ
ที่ผ่านมาว่าโหดแล้ว ใครจะรู้ล่ะว่า นี่คือของจริง ด้วยหนทางที่รกและชื้นมาก ทากทั้งหลาย ก็เฝ้ารอการเดินทางของเราเป็นอย่างดีค่ะ ทากและยุงชุกชุมมากกก แลดูหิวกระหาย รอคอยการดื่มเลือดมาอย่างยาวนาน ทีมงานทุกคนวิ่งและเดินจ้ำอ้าวอย่างไม่คิดชีวิตกันเลยทีเดียว จุดชมวิวต่างๆ ไม่มีใครสนใจเลยค่ะ ขอหนีทากลูกเดียว 55555 เป็นโมเมนต์ที่ฮามากจริงๆค่ะ
ทีมงานยิงยาวไปจนถึง จุดชมวิวแย้งตากแดด เพื่อนั่งพัก และเอาทากออกค่ะ เราผ่านสวนระทึกมา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเรียกแบบนี้ แต่เราขอตั้งฉายาให้เพราะทากเยอะมากก เป็นที่ระทึกจริงๆค่ะ 5555 แน่นอนว่าเมื่อแอดมินเอาขากางเกงขึ้น มีทากกำลังดูดเลือดจนตัวพองอยู่ 4 ตัว และรุมดูดเลือดที่กางเกงอีกประมาณ 5-6 ตัวได้ เป็นความรู้สึกที่ขนลุกและหลอนมาก หลังจากนั้นก็เดินทางต่อไปยังเนิน 1408 ค่ะ
เมื่อเดินทางมาถึง เนิน 1408 จุดกางเต็นท์สูงสุดในอีสานแล้ว ทุกคนก็นั่งพัก และรอกระเป๋า เสบียง ต่างๆจากลูกหาบที่ใช้อีกเส้นทางหนึ่งค่ะ ระหว่างนั้นไปเดินสำรวจรอบๆเนินกางเต็นท์กันค่ะ ฝั่งซ้ายมือ(จากทางเดินขึ้น) จะมีบังเกอร์หลับภัยของทหารที่ปกป้องดินแดนไทยในอดีตทอดยาวลงไปค่ะ และถ้าจะเข้าห้องน้ำ ก็จะต้องเดินเลียบบังเกอร์ไป ประมาณ 100 เมตร จะมีห้องน้ำ ที่มีผ้าใบคลุมรอบๆ และห้องสุขาอย่างดีค่ะ หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ ก็นำเสบียงและกระเป๋าที่เหลือขึ้นมาถึง พร้อมกับกางเต็นท์ เตรียมที่หลับที่นอน ทีมงานโกทูเลยอีกส่วนหนึ่งที่ต้องลงไปยังที่พักด้านล่างก็แยกกลับค่ะ และด้านบนจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยต่างๆค่ะ
เนื่องจาก เนิน 1408 อากาศหนาวเย็นมากๆ จึงต้องมีการขออนุญาตก่อกองไฟ และมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลด้วยนะคะ อาหารเย็นจะมีทั้ง หมู เนื้อ อาหารทะเล ขนม เป็นอารมณ์รับประทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศสุดฟิน ที่มีลมโชยตลอดเวลา กับดาวนับล้านๆดวงที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน และหลังจากที่รับประทานอาหารกันเสร็จแล้ว ก็แยกย้ายทำภารกิจส่วนตัว ส่วนหนึ่งเข้านอน และอีกส่วนหนึ่งก็เล่นกีต้าร์ ร้องเพลงรอบกองไฟกัน ซึ่งระหว่างการร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน ทีมงานสาวก็กรี๊ดลั่นเต็นท์ ทุกคนตกใจมาก พอไปดู ก็บอกว่า ฝันว่าทากเกาะหน้าผาก ทำเอาขำกันยกใหญ่ หลอนถึงขั้นเก็บไปฝันเลยทีเดียวค่ะ 5555555 อยากจะบอกว่าการนอนในคืนนั้น เป็นการนอนที่หวาดระแวงมาก พอรู้สึกเย็นๆ หรือจั๊กจี้ที่เท้า ก็ต้องลุกมาดูค่ะว่าเป็นทากหรือเปล่า ถึงหลับไปแล้วก็สะดุ้งตื่น เป็นอะไรที่ตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลาค่ะ 55555
และเช้าวันที่ 12 พ.ย. 60 ทีมงานเฝ้ารอพระอาทิตย์ขึ้นตั้งแต่เวลา 05.00 น. อากาศหนาวและลมแรงมากค่ะ แอดมินเดินส่องไฟฉายผ่านบังเกอร์ไปเพื่อไปล้างหน้า แปรงฟัน ในระหว่างที่นั่งก้มหน้าอยู่นั้น เงยหน้าขึ้นมา โอ้โหหห เจอคราบงูพาดอยู่ เป็นเหตุการณ์ที่ระทึกขวัญสำหรับแอดมินมาก นอกจากจะต้องฝ่าดงทากกับไส้เดือนตัวใหญ่เท่านิ้วแล้ว จะต้องมาเจอกับอะไรอีก 5555 หลังจากนั้นไม่นานพระอาทิตย์ลูกโตๆ ก็โผล่พ้นขอบฟ้าให้เราได้ชมกันค่ะ ด้านล่างมองเห็นภูเขาและทะเลหมอก คล้ายกับเกาะแก่ง สวยและบรรยากาศดีมากๆค่ะ เป็นความรู้สึกที่ประทับใจไม่มีวันลืมเลย แต่ก็แอบระแวงทากไม่หาย (โดนทากล้างสมองแล้วแน่ๆ)
เมื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นกันเต็มอิ่มแล้ว ก็รับประทานอาหารเช้ากันต่อค่ะ เป็นการรับประทานอาหารทะเล บนทะเลหมอกที่สุดยอดมากๆ ต้องลองไปสัมผัสนะคะ ว่ามันจะสุดยอดขนาดไหน หลังจากนั้นก็ทำการเก็บของเพื่อเดินทางลงค่ะ ในขาลงนั้นเราจะลงอีกเส้นทางหนึ่งที่สะดวกกว่าขาขึ้น ต้องไต่เขาลงประมาณ 500 เมตร แล้วนั่งรถอีแต๊กต่อไปยังจุดกางเต็นท์ภูหัวฮ่อมค่ะ ซึ่งทางนั้น ชันและสูงกว่าทางขึ้นมากๆ ลักษณะจะเป็นขั้นบันไดที่เจ้าหน้าที่ได้ทำไว้ค่ะ แต่ต้องระมัดระวังเนื่องจากมีใบไม้ปกคลุมค่อนข้างมาก อาจจะทำให้ลื่นและได้รับบาดเจ็บได้ค่ะ
ทีมงานใช้เวลาเดินลงไม่นานนักก็ถึงจุดที่มีรถอีแต๊กรออยู่ค่ะ ระหว่างทางได้เห็นธรรมชาติมากมาย เจอทั้งเหยี่ยวตัวใหญ่ๆ และหนองปลาตีนให้ชม โดยที่เราไม่ต้องไปไกลถึงป่าชายเลนเลยค่ะ เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงค่ะ จนไปถึงจุดกางเต็นท์ ภูหัวฮ่อม หลังจากนั้นก็ทำการชำระเงินค่าเช่าต่างๆในส่วนของเต็นท์ ถุงนอน ค่าหาบของ ค่านำเที่ยว ที่จุดบริการนักท่องเที่ยวภูหัวฮ่อม รวมๆค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็อยู่ที่ 4,740 บาทค่ะ
การเดินทางมายังอุทยานแห่งชาติภูสวนทรายและการพิชิต เนิน 1408 จุดกางเต็นท์สูงสุดในอีสานนี้ การเตรียมตัวเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆค่ะ ยอมรับเลยว่า ทางทีมงานเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหลายอย่าง มีเซอร์ไพรส์จากทาก การเดินทาง ที่ไม่คิดว่าจะท้าทายขนาดนี้ ที่สำคัญมากนั่นก็คือ ต้องสอบถามข้อมูลจากทางเจ้าหน้าที่ให้ดีก่อน และสิ่งที่ต้องเตรียม ได้แก่
1.ยาสามัญประจำบ้าน ไม่ว่าจะเป็นโรคประจำตัว ยาลดไข้ อุปกรณ์ทำแผลต่างๆค่ะ
2.รองเท้า แอดมินแนะนำว่าต้องเป็นผ้าใบหรือรัดส้นนะคะ
3.อุปกรณ์ต่างๆ เช่น ไฟฉาย ยากันยุง จะให้ดีมีปูนขาว หรือถุงเท้ากันทากด้วยก็จะดีมากค่ะ
4.อาหาร น้ำ ต้องเผื่อระหว่างเดินทางด้วยนะคะ
5. ที่ขาดไม่ได้เลยคือ การเตรียมพร้อมของสภาพร่างกาย และจิตใจค่ะ (ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา)
แอดมินประทับใจการเดินทางครั้งนี้เป็นอย่างมากเลยค่ะ แอดมินชอบการผจญภัยมากๆ แน่นอนว่าการเดินป่า ย่อมต้องเจอสัตว์มากมาย และยิ่งมีทากเยอะ มีไส้เดือนที่ตัวใหญ่ขนาดเท่านิ้วเราขนาดนั้นแสดงว่าผืนป่าแห่งนี้อุดมสมบูรณ์มากนั่นเองค่ะ รวมถึงวิวทิวทัศน์ สภาพอากาศที่สุดยอดมากๆ ต้องขอขอบพระคุณเจ้าหน้าที่อุทยานที่ดูแลทีมงานเป็นอย่างดี เป็นบันทึกการเดินทางที่จะไม่มีวันลืม และจะต้องไปเยือนอีกครั้งแน่นอนค่ะ
และหากสนใจ สามารถติดต่อจองที่พักอุทยานแห่งชาติภูสวนทราย หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 042-807616 , 094-2392498 สำหรับบันทึกการเดินทางครั้งนี้ก็สิ้นสุดแล้ว ครั้งหน้าแอดมินจะพาไปที่ไหนนั้น รอติดตามชมนะคะ สวัสดีค่ะ